รีวิว Squid Game 2021 หนัง NETFLIX ที่มียอดคนดูมากที่สุดในตอนนี้

รีวิว Squid Game

ประเทศ: เกาหลี | เสียงพากย์:ไทย | คำบรรยาย: ไทย | ปี: 2021 | 55 นาที ประเภท: แอ็คชั่น, ผจญภัย, ดราม่า,
ผู้กำกับ: Hwang Dong-hyuk,
นักแสดง: Lee Jung-jae, Heo Sung-tae, Park Hae-soo, Wi Ha-jun, Yoo Sung-ju, Kim Joo-ryoung, Jung Ho-yeon, Lee You-mi, Anupam Tripathi,

รีวิว Squid Game โหด มันส์ เลือดกระจาย

    เนื้อหาดังกล่าวสามารถเรียกได้ว่าเป็นออร่าใหม่สำหรับเนื้อหาต้นฉบับของเกาหลีที่จะนำตัวละครจำนวนมากมาเล่นเกมเอาชีวิตรอด ซึ่งผู้ชมภาพยนตร์น่าจะคุ้นเคยกับภาพยนตร์หรือซีรีส์ญี่ปุ่นมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเร็วๆ นี้ Netflix Japan ได้มีซีรีส์อย่าง ‘Alice in Borderland, Alice in the Land of the Dead’ เพื่อประกาศชื่อเป็นราชาแห่งเกมเอาชีวิตรอด

รีวิว Squid Game
Squid Game 02

    แต่จุดเด่นของ ‘Squid Game play to die’ ที่แตกต่างอย่างชัดเจน คือการสอดแทรกการเล่นของเด็กๆ เกาหลี ให้มากับเกมที่น่าสนใจสำหรับแต่ละเกม เช่น เกม octopus ซึ่งเป็นเกมผสมระหว่าง t- catch และ table เกม. นอกจากนี้ยังผสมผสานกับบางช่วงที่ผู้ชมนอกเกาหลีสามารถเข้าใจได้ง่าย เช่นเกมหยุด AEIOU ที่แม้แต่ลูก ๆ ของเราก็ควรจะเล่น และบางระดับก็นำกลไกของจิตวิทยามาเล่นในประเภท Battle Royale ค่อนข้างน่าสนใจ เห็นว่านึกถึงด่านและคิดเกมได้ดีมาก โดยส่วนตัวแล้วผมชอบเกมที่เอาความกลัวมาจากคลิปพื้นกระจกที่คนเดินหนีแตกและเอามาประยุกต์เป็นเกมที่น่าตื่นเต้นมาก

    เป็นที่ชัดเจนว่า ‘Squid Game’ ไม่ใช่เกมผู้รอดชีวิตที่เน้นไปที่การระบุจุดอ่อนของระบบ และใช้ความเฉลียวฉลาดของคุณพิชิตสไตล์ญี่ปุ่น แต่เอาแนวเกมมาเป็นสกินเพื่อสรุปโครงสร้างหลักของละครระหว่างตัวละครที่มารวมกันและมีเบื้องหลังที่กระตุ้นให้พวกเขาชนะไม่น้อย มากกว่า หากอัตราส่วนความฉลาดและละครในญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 70:30 น. ในเกาหลีก็น่าจะเป็น 30:70 แทน ดังนั้นจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอาศัยจังหวะหรือความบังเอิญบางอย่างเพื่อให้สิ่งต่างๆ ไปเพราะตัวละครไม่ดีพอที่จะเอาชนะระบบหรือกฎของเรื่อง

Squid Game 03

    แต่ตัวละครตัวนี้ไม่สามารถเอาชนะระบบได้เข้ากับธีมของการปฏิบัติด้านมนุษยธรรมในช่วงเวลาที่สภาพไม่เอื้ออำนวยซึ่งผู้กำกับฮวังดงฮยอกผู้ซึ่งได้รับความนิยมอย่างภาพยนตร์เรื่อง ‘Silenced’ ใครได้ฟังซึ่งเป็นหนังแห่งปีในเกาหลีที่มีกงยูเป็นพระเอกก็อยากถ่ายทอดออกมาอย่างสมบูรณ์แบบเช่นกัน เมื่อธีมเป็นจริงมาก ก็อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง แม้ว่าเนื้อหาจะมีความแฟนตาซีเล็กน้อย แต่เราจะเจาะลึกเข้าไปอีก และเรื่องตลกเรื่องหนึ่งที่ซีรีส์นี้ใช้ได้จริงเหมือนหนังแนวนี้ที่ลืมไปคือคอรัปชั่นภายในระบบเองไม่เหมือนกับผู้ดูแลเกม แต่ยังมีโอกาสใช้ประโยชน์จากเกมจนกลายเป็นช่องโหว่ของระบบอีกด้วย

    แต่ตัวละครตัวนี้ไม่สามารถเอาชนะระบบได้เข้ากับธีมของการปฏิบัติด้านมนุษยธรรมในช่วงเวลาที่สภาพไม่เอื้ออำนวยซึ่งผู้กำกับฮวังดงฮยอกผู้ซึ่งได้รับความนิยมอย่างภาพยนตร์เรื่อง ‘Silenced’ ใครได้ฟังซึ่งเป็นหนังแห่งปีในเกาหลีที่มีกงยูเป็นพระเอกก็อยากถ่ายทอดออกมาอย่างสมบูรณ์แบบเช่นกัน เมื่อธีมเป็นจริงมาก ก็อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง แม้ว่าเนื้อหาจะมีความแฟนตาซีเล็กน้อย แต่เราจะเจาะลึกเข้าไปอีก และเรื่องตลกเรื่องหนึ่งที่ซีรีส์นี้ใช้ได้จริงเหมือนหนังแนวนี้ที่ลืมไปคือคอรัปชั่นภายในระบบเองไม่เหมือนกับผู้ดูแลเกม แต่ยังมีโอกาสใช้ประโยชน์จากเกมจนกลายเป็นช่องโหว่ของระบบอีกด้วย

รีวิว Squid Game 02

    นอกจากการสร้างเส้นเรื่องสนุก ๆ ของเรื่องแล้ว ก็ยังถือว่าแนวแปลก ๆ นั้นไม่เบาเหมือนที่เราคุ้นเคย เพราะมีกฎที่ผู้เล่นสามารถขอโหวตให้หยุดเล่นเกมได้ตลอดเวลา เมื่อเราหมกมุ่นอยู่กับความสนุกในระดับต่าง ๆ ของเกม เรามักจะลืมไปว่ากฎนั้นมีอยู่จริง และอย่างที่เราจำได้ เรารู้สึกว่าบางทีถ้าตัวละครมีสติมากขึ้น พวกเขาสามารถหยุดสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดได้ในตอนนี้ แต่ถึงแม้เราจะเป็นผู้ชม เราก็ยังคงสนใจ แต่จะชนะเกมนี้ เรื่องนี้นำไปสู่ตอนที่หกที่สะเทือนอารมณ์ของผู้ฟังถึงขีดสุด joker123

รีวิว Squid Game 01

รีวิว SquidGame คะแนนอยู่ที่ 8/10

    เรื่องนี้ต้องบอกด้วยว่าจุดไคลแม็กซ์ของเรื่องเหมือนเกมที่แล้วจะเบาบางและมีความไม่สอดคล้องกันมากมายที่เป็นกฎที่ซับซ้อนอย่างลับๆ สำหรับผู้ที่ไม่ใช่ชาวเกาหลี แต่อยากเปลี่ยนรายละเอียดให้เป็นสนามต่อสู้เพื่อชีวิตแลกกับการโฟกัสทางอารมณ์ที่เข้ากันไม่ได้ และชื่อ ‘Squid Game’ ถูกนำไปใช้โดยตรงและเปรียบเปรยอีกเล็กน้อย น่าเสียดาย
เรื่องอื่นๆ : รีวิว The Crowned Clown, รีวิว Snake Eyes, รีวิว ร่างทรง,รีวิว The Conjuring